บล.คันทรี่กรุ๊ป คาด “โอมิครอน” กดดันตลาดระบาดหลายประเทศ อาจต้องทบทวนเทรนด์เทรด

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

 

บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้ ชี้ปัญหาการกลับมาระบาดของ Omicron ในหลายประเทศสร้างแรงกดดันตลาด และสะท้อนความกังวลของนักลงทุนอีกครั้ง แนะจับตาการประชุม กนง. และ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในวันที่ 23 ธ.ค.

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันศุกร์ที่ผ่านมา Dow Jones ปรับฐานลงแรง 1.48% แต่หากพิจารณาเพิ่มเติมจะพบว่า S&P500 ปรับฐานเพียง 1% ซึ่งหากเป็นไปตามที่หลายสำนักข่าวรายงานว่าตลาดกลับมากังวลกับดอกเบี้ยที่ FED จะเริ่มใช้นโยบายการเงินเข้มงวด S&P500 ที่มีกลุ่ม TECH เป็นกลุ่มหลักราว 29% ควรจะปรับฐานแรง ขณะที่ด้าน Vix Index ที่สะท้อนความกังวลของนักลงทุนยังแกว่งอยู่ระดับต่ำ เราจึงเชื่อว่าเป็นเพียงแรงทำกำไรปกติมากกว่าที่นักลงทุนจะกังวลกับเรื่องของดอกเบี้ย ทำให้ในระยะสั้นมีโอกาสที่ SET INDEX จะเผชิญจิตวิทยาเชิงลบจากการปรับฐานของ Dow Jones บ้าง แต่ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการประกอบกับปัจจุบันไม่ได้เผชิญการระบาด COVID-19 ที่หนักเหมือนหลายประเทศใน EU และเอเชียบางประเทศ เช่น เวียดนาม เกาหลี ทำให้การปรับฐานจะเป็นโอกาสในการสะสมมากกว่า

ส่วนกรณีกระทรวงการคลังมีแผนจะเก็บภาษีในการขายหุ้นที่มูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาทในอัตรา 0.1% แผนการเก็บภาษีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง ก.ค.21 แต่สุดท้ายไม่ได้เกิดขึ้น จึงเชื่อว่าครั้งนี้รัฐบาลจะเป็นเพียงลักษณะเปิดเผยข่าวออกมาเพื่อรอดูการตอบรับของประชาชนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากประกาศใช้จริงจะมีผลเชิงลบกับจิตวิทยาการลงทุนรวมถึงมูลค่าการซื้อขายที่จะลดลงไปและมีโอกาสที่ Fund Flow ต่างชาติจะให้ความสนใจกับตลาดอื่นมากกว่ามองกลุ่มรับผลกระทบได้แก่ Broker ส่วนพื้นฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมองว่าไม่มีผลกระทบมาก

สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) การประชุม กนง. ในวันที่ 22 ธ.ค. คาดที่ประชุมคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วง 3Q21 แต่แนะติดตามมุมมองเศรษฐกิจหลังประเทศไทยได้ผ่อนคลายมาตรการมาแล้วราว 3 เดือน (2) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ในวันที่ 23 ธ.ค. Bloomberg คาดมูลค่าส่งออก +16.6%YoY นำเข้า +22.5%YoY โดยมีการขาดดุลการค้า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3) ประชุม ครม. ในวันที่ 21 ธ.ค. คาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมองกลุ่มอิงการบริโภคจะได้ประโยชน์ (BJC CPALL COM7 CRC GLOBAL HMPRO SIS SYNEX) (4) การระบาด Omicron ปัจจุบันแพร่กระจายแล้ว 89 ประเทศ ส่งผลให้เริ่มมีบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศปิดร้านค้าและร้านบริการที่ไม่จำเป็น รวมถึงปิดโรงเรียนเพื่อสกัดกั้นการระบาด สอดคล้องกับด้านฝรั่งเศสได้ยกเลิกงานฉลองปีใหม่ มอง MINT รับผลกระทบจากการที่มีรายได้ใน EU ดังนั้นด้วยสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีปัจจัยบวกจึงประเมินว่า SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,640 จุด

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเน้น Theme COVID-19 Play เช่น โรงพยาบาล (BCH CHG) ถุงมือยาง (STA STGT) ส่วนการลงทุนระยะกลางจังหวะปรับฐานของตลาดยังมองเป็นโอกาสสะสม Domestic อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ค้าปลีก (BJC CPALL CRC HMPRO) ปั๊มน้ำมัน (PTG) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

ONEE (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 11.8 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” คาดบริษัทมีโอกาสสูงในการกินส่วนแบ่งการตลาดเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางทีวีเพิ่มขึ้นจากคู่แข่ง โดย ณ ปัจจุบันบริษัทอยู่ที่อันดับ 3 ในเชิงรายได้ และ Rating คาดรายได้ในฝั่งของช่องทางออนไลน์จะเติบโตเฉลี่ย 16% ในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยคาดจะมีสัดส่วน 28% ของรายได้ในปี 2024 หนุนจากจำนวนยอดคนติดตามที่สูงที่สุดในช่องทาง YouTube และ Facebook เทียบกับคู่แข่งในประเทศ

BCH (ถือ/ราคาเป้าหมาย 21 บาท) คาดกำไร 4Q21 จะโตแข็งแกร่ง YoY จากกลุ่มคนไข้เงินสดและประกันสังคม ทบต้นกับรายได้วัคซีนทางเลือกที่เพิ่มเข้ามา ขณะที่ระยะสั้นได้ปัจจัยหนุนจากการระบาด COVID-19

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket