“ดีบีเอส” ชี้ดัชนีปีนี้แตะ 1800 จุด รับรัฐกระตุ้นบริโภค-เร่งลงทุน-โอไมครอนไม่แรง เตือนปัยจัยเสี่ยงภาษีขายหุ้น

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินรัฐยังเดินหน้ากระตุ้นการบริโภค-การลงทุนภาครัฐ โคมิครอนไม่รุนแรงอย่างคาด ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนตลาดหุ้น มั่นใจดัชนีปีนี้แตะ 1800 จุด อิงกับ EPS growth 9% ค่า P/E 19.4 เท่า ขณะที่จับตาปัจจัยเสี่ยง เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจจีนชะลอตัว-การเก็บภาษีขายหุ้น ส่วนกลยุทธ์ลงทุน เน้นกลุ่มได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ EV หุ้นดิจิตอลและความปลอดภัยด้านไซเบอร์ รวมทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนตลาดต่างประเทศ แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นสหรัฐ ยุโรป รวมทั้งทองคำเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ โดยหุ้นน่าลงทุนยังเป็นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และหุ้นเทค ธีมเด่นคือ กลุ่ม “Metaverse”

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSV) ได้จัดสัมมนา DBSV Quarterly Review Q1/22 ในหัวข้อ “พิชิตตลาดปีเสือดุ ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย-เทศ” น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2565 ดัชนีหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเป้าหมายดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1800 จุด เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นปิดสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1658 จุด อิงกับ EPS growth ที่ 9% และ P/E 19.4 เท่า (เท่ากับระดับปิดสิ้นปี 2564)

โดยปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ 3.4% โดยได้รับอานิสงส์จากการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐที่ขยายตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเช่น คนละครึ่ง เฟส 4 (เริ่ม 21 ก.พ) มาตรการด้านการท่องเที่ยว มาตรการสนับสนุนธุรกิจ SME รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่คาดการณ์ว่า จะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปจนถึงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นมีความน่าสนใจหุ้นปันผลจ่ายผลตอบแทนสูงชนะเงินเฟ้อและดอกเบี้ย นอกจากนี้ยุโรปเริ่มพิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และผู้คนสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้

สำหรับปัจจัยลบที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนคือ ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวลงหลังใช้มาตรการคุมเข้มโควิดโอไมครอน รวมทั้งตลาดยังมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ หลังจากที่ภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ส่วนปัจจัยลบในประเทศก็คือ กรณีที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศได้มีการยกเลิก และเลื่อนการจองห้องพักแล้ว 25-50% หลังจากที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน

น.ส.อาภาภรณ์กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามและอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ก็คือ การประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะให้สัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนขึ้น มาตรการสนับสนุนยานยนต์ EV (ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% และการให้เงินอุดหนุนผู้ซื้อรถ) รวมทั้งต้องติดตามผลการทำประชาพิจารณ์ (Hearing) ครั้งที่ 2 เรื่องการลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ และรายละเอียดการเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% ของมูลค่าขาย ที่กรมสรรพากรกำลังเร่งผลักดัน

โดยกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ ฝ่ายวิเคราะห์แนะให้เลือกลงทุนและทยอยสะสมหุ้นธีมเด่น ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจประกัน รวมทั้งหุ้นที่อยู่ใน Mega Trend ที่เกี่ยวข้องกับ รถยนต์ EV แบตเตอรี่ โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล ดิจิตอล & ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ เป็นต้น รวมทั้งหุ้นที่อยู่ในธีม ESG หรือหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (อยู่ใน SETTHSI-ดัชนีหุ้นยั่งยืน)

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ที่ไม่รุนแรงอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ ทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และไม่น่าจะมีการปิดเมืองเหมือนปีที่ผ่านมา โดยดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยกว่าคาดไว้ผู้เสียชีวิตน้อยลงอยู่ระดับหลักสิบ สถานการณ์โอมิครอนในประเทศถือว่าเป็นไปด้วยดีจากการระดมฉีดวัคซีน ที่มียอดสะสมมากกว่า 100 ล้านโดส และยังมีการเร่งฉีดเข็มบูสเตอร์ เข็ม 3-4 รวมถึงมีความพร้อมในการรับมือมากขึ้น

สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.คาดว่าปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 5-6 ล้านคน และปี 2566 เพิ่มเป็น 20 ล้านคน โดยตัวแทนหุ้นท่องเที่ยวฟื้นตัว แนะนำซื้อ AOT ให้ราคาพื้นฐาน 75 บาท (DCF) จากแนวโน้มธุรกิจคาดว่าจะดีขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2565 จากการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวจากทั้งภายในและต่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้นแนวโน้มระยะยาว ส่วนความเสี่ยงอาจมาจาก นักท่องเที่ยวจีนพิ่มน้อยการเรียกเก็บผลตอบแทน King Power ลดลง

ส่วน CPN เป็นหุ้นรายแรกๆที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองแนะนำซื้อ กำหนดราคาพื้นฐาน 66 บาท (DCF) คาดการณ์ว่ารายได้ค่าเช่าและบริการในปี 2565จะดีขึ้นจากส่วนลดค่าเช่าที่ต่ำลง หลังจากปี 64 ที่คาดว่ามีรายได้เป็นเพียง 65% ของปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2566 คาดว่ากลับสู่ระดับปกติได้ หลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 21.6% หลังจากหดตัว 19.7% ในปี 2564 ถือว่ากลับมาฟื้นตัวได้ดีมาก

หุ้น AMATA จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว การเปิดประเทศทำให้ยอดขายที่ดินในนิคมฯกระเตื้องขึ้น รายได้สาธารณูปโภคและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนสูงขึ้นได้อานิสงส์จากการลงทุนในพื้นที่ EEC ขณะที่ภาครัฐให้การส่งเสริมลงทุนพัฒนาที่ดินในประเทศลาวเป็นสมาร์ท แอนด์ อีโคซิตี้ ติดกับสิบสองปันนา คาดว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว เพราะมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีนเชื่อมต่อ ราคาพื้นฐาน 23 บาท

PTTEP แนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 160 บาท (DCF) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 15% สะท้อนปรับสมมติฐานราคาน้ำมัน BRENT ขึ้นเป็น 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิม 70 ดอลลาร์/บาร์เรลปัจจัยหนุนราคาน้ำมันคือ อุปทานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าอุปสงค์ กลุ่มโอเปกพลัสคงนโยบายเพิ่มการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วันสำหรับเดือน ก.พ.65

หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ มีความสำคัญต่ออุปกรณ์ไฮเทคทั้งรถยนต์ EV และโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ๆ ถือเป็นโอกาสธุรกิจที่ดีกับทั้ง HANA และ KCE ในการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ และเงินบาทอ่อน จากภาวะเงินเฟ้อสูงกลุ่มอุตสาหกรรม PFPO & REIT ที่มีเงินปันผลสูงเป็นเกราะป้องกันในภาวะเกิดเงินเฟ้อ โดยหุ้นกลุ่ม WHART ฟื้นตัวได้ดี มีคลังสินค้าเพื่อการขนส่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี แนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วของ e-commerce ปันผลสูง ยิลด์ราว 6% ให้ราคาพื้นฐาน 14.60 บาท ส่วน DIF ราคาพื้นฐาน 15.90 บาทมีความมั่นคงด้านรายได้ และกำไรจากการลงทุนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในระดับสูง ส่วนการเติบโตมาจากTRUE ขายสินทรัพย์เข้ามายังกองทรัสต์ฯ เพิ่มเติม ปันผลสูง ยิลด์ราว 7.2%

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ทำให้มีภาระการผ่อนดาวน์น้อยลง เหมือนเพิ่มกำลังซื้อ และขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองไปอีก 1 ปี หุ้นแนะนำ คือ AP, LH, ORI, SPALI ปันผลสูงคือ LALIN, SC และ SENA

อุตสาหกรรมพาณิชย์ การที่รัฐกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมีโครงการช็อปดีมืคืน แม้มีปัญหาอัตราเงินเฟ้อ, SSSG ฟื้นเพราะเปิดเมือง เช่น กลุ่มจำหน่ายสินค้ามือถือ และไอที ได้ประโยชน์ WFH เช่น COM7 และกลุ่มจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่ง เช่น HMPRO และ GLOBAL

นายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดี แม้ว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐจะเข้มงวดขึ้น โดยคาดว่ามาตรการ คิวอี จะจบในเดือน มี.ค.นี้ และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 6 ครั้งในช่วงปี 2565-2566 ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐใกล้จุดสูงสุดแล้ว โดยเงินเฟ้อสหรัฐได้ปรับขึ้นสู่จุดที่สูงสุดในรอบหลายสิบปีเพราะปัญหาซับพลายปรับตัวไม่ทันกับดีมานด์ที่ฟื้นตัวแรง

สำหรับมุมมองการลงทุนนั้น ดีบีเอส มองว่าผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นยังดีกว่าตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะตลาดที่พัฒนาแล้ว ดีกว่าตลาดเกิดใหม่ โดยหุ้นที่น่าสนใจคือหุ้นเทคโนโลยี เฮลท์แคร์ และการเงิน โดยธีมเด่น “Metaverse” ผสมระหว่างชีวิตจริงและดิจิทัลหนุนบริษัท I.D.E.A.(Innovators, Disruptors, Enables, Adapters) และเป็นปัจจัยบวกกับกลุ่ม Big Tech, game engines, semiconductors ขณะที่พอร์ตการลงทุนแนะนำให้เพิ่ม น้ำหนักการลงทุนในช่วง 3 เดือนให้ในหุ้นสหรัฐ หุ้นยุโรป ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ และทองคำ (ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ) ส่วนน้ำหนักลงทุนในช่วง 12 เดือนให้เพิ่มการลงทุนในหุ้นสหรัฐ หุ้นเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) และทองคำ

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2022 ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินเดียจะเติบโตชะลอตัวลง ขณะที่ญี่ปุ่น ไทย มาเลเซีย อินโนนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในลักษณะเร่งตัวสูงขึ้น ส่วนความเสี่ยงหลักจะมาจากความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล เทคโนโลยี สภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสแกว่งรอขึ้น แต่ต้องไม่หลุด 1770/1750/1680 ส่วนค่าเงินบาทมีแนวรับที่ 32.80-32.50 บาท ซึ่งหากไม่หลุดแนวรับดังกล่าว ยังอ่อนค่าในระยะกลาง

อ้างอิง
https://siamrath.co.th